การเพิ่มประสิทธิภาพในการทํางาน
1.
ความหมายการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน
การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ได้มีนักวิชาการหลายท่านให้ความหมายดังนี้
จอห์น ดี.มิลเล็ท (John D.Millet,1954) ได้กล่าวว่า
ประสิทธิภาพ หมายถึง ผลการปฏิบัติงานที่ทำให้เกิดความพึงพอใจ
และได้รับผลกำไรจากการปฏิบัติงาน ซึ่งความพึงพอใจ หมายถึง
ความพึงพอใจในการบริการให้กับประชาชน โดยพิจารณาจาก เช่น
การให้บริการอย่างเท่าเทียมกัน การให้บริการอย่างรวดเร็วทันเวลา
การให้บริการอย่างเพียงพอ การให้บริการอย่างต่อเนื่อง และการให้บริการอย่างก้าวหน้า
เป็นต้น
สมใจ ลักษณะ (2544) ได้กล่าวว่า
การมีประสิทธิภาพในการทำงานของตัวบุคคล หมายถึงการทำงานให้เสร็จ
โดยสูญเวลาและเสียพลังงานน้อยที่สุด ได้แก่การทำงานได้เร็ว และได้งานที่ดี
บุคลากรที่มีประสิทธิภาพในการทำงาน เป็นบุคลากรที่ตั้งใจในการปฏิบัติงานเต็มความสามารถ
ใช้กลวิธี หรือเทคนิคการทำงานที่จะสร้างผลงานได้มาก
เป็นผลงานที่มีคุณภาพเป็นที่น่าพอใจ โดยสิ้นเปลืองต้นทุน ค่าใช้จ่าย พลังงาน
และเวลาน้อยที่สุด
สิริวดี ชูเชิด (2556) ได้กล่าวว่า
ประสิทธิภาพการทำงาน หมายถึง ความสามารถและทักษะในการกระทำของบุคคลของตนเอง
หรือของผู้อื่นให้ดีขึ้น เจริญขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตนเองและขององค์กร
อันจะทำให้ตนเอง ผู้อื่นและองค์กร เกิดความพึงพอใจและสงบสุขในที่สุด
สรุปว่า การพัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน คือ
การปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม ความสามารถ และทักษะในการทำงานของตนเองหรือผู้อื่นให้ดีขึ้นเจริญขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กร
ซึ่งจะทำให้ตนเองผู้อื่นและองค์กรเกิดความสุขในที่สุด
โดยการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาองค์กรหรือการพัฒนาสังคม
2. ประโยชน์การพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงาน
บุคลากรถือเป็นหัวใจสำคัญในการนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ
และเป้าหมายที่องค์กรตั้งไว้
การบริหารทรัพยากรบุคคลเป็นการที่องค์การจะกระทำภารกิจหลักให้บรรลุวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพนั้น
หน่วยงานจำเป็นจะต้องมีบุคลากรที่มีคุณภาพในปริมาณที่เหมาะสมกับงานซึ่งประโยชน์ของการพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงาน
มีดังนี้
★
ช่วยทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนกระบวนการหรือวิธีการทำงานใหม่ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
★
ช่วยเพิ่มกลยุทธ์ในการสร้างความสำเร็จในการทำงานและช่วยลดความซ้ำซ้อนของงาน
★ ช่วยทำให้การทำงานบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ด้วยวิธีการที่รวดเร็ว
★
ช่วยทำให้องค์กรมีความเจริญก้าวหน้า
หรือพัฒนาสู่ความเป็นเลิศ
★
ทำให้ได้ผลงานที่มีคุณภาพ
ลดความสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลา ทรัพยากร และกำลังคน
3.ประเภทของประสิทธิภาพ
ประสิทธิภาพ
เป็นเรื่องของการใช้ปัจจัยและกระบวนการในการดำเนินงาน
โดยประสิทธิภาพอาจไม่แสดงเป็นค่าประสิทธิภาพเชิงตัวเลข
แต่แสดงด้วยการบันทึกถึงลักษณะการใช้เงิน วัสดุ คน และเวลา
ในการปฏิบัติงานอย่างคุ้มค่า ประหยัด ไม่มีการสูญเปล่าเกินความจำเป็น รวมถึงมีการใช้กลยุทธ์หรือเทคนิควิธีการปฏิบัติที่เหมาะสม
สามารถนำไปสู่การบังเกิดผลได้เร็วและมีคุณภาพ ประเภทของประสิทธิภาพ มี 2 ระดับคือ
★ ประสิทธิภาพของบุคคล หมายถึง การทำงานเสร็จโดยสูญเสียเวลาและพลังงานน้อยที่สุด
ค่านิยมการทำงานที่ยึดกับสังคม เป็นการทำงานได้เร็วและได้งานดี
★ ประสิทธิภาพขององค์กร คือการที่องค์กรสามารถดำเนินงานต่าง
ๆ ตามภารกิจหน้าที่ขององค์กร โดยใช้ทรัพยากร ปัจจัยต่าง ๆ
รวมถึงกำลังคนอย่างคุ้มค่า มีการสูญเปล่าน้อยที่สุด
มีลักษณะการดำเนินงานไปสู่ผลตามวัตถุประสงค์ โดยประหยัดทั้งเวลา ทรัพยากร
และกำลังคน
4.
องค์ประกอบของการพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงาน
การพัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน
เป็นการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมความสามารถ และทักษะในการทำงานของตนเองหรือผู้อื่นให้ดีขึ้น
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กร
ซึ่งองค์ประกอบการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาองค์กร
โดยผู้เขียนยกตัวอย่างแนวคิดของนักวิชาการมีดังนี้
ปีเตอร์สัน
(Perterson) และ โพลแมน (Plowman) ได้กล่าวว่า องค์ประกอบของประสิทธิภาพการทำงาน ไว้ดังนี้คือ
★ คุณภาพของงาน (Quality)
★ ปริมาณ (Quality)
★ เวลา (Time)
★ ค่าใช้จ่าย (Cost)
จิตติมา
อัครธิติพงศ์ (2556) ได้กล่าวว่า
ประสิทธิภาพในการทำงานในองค์กรเป็นหัวใจสำคัญในการนำองค์กรไปสู่การบรรลุผลความสำเร็จของการดำเนินงาน
องค์กรจะมีผลผลิตเป็นที่น่าพอใจทั้งในด้านการผลิต การบริการ มีความเจริญก้าวหน้า
และสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าและบุคลากรองค์กร ซึ่งองค์ประกอบการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานที่สำคัญ
มีดังนี้
★ สิ่งแวดล้อมนอกองค์กร ได้แก่ ตลาดความต้องการของลูกค้า สภาพเศรษฐกิจของสังคมและประเทศ เช่น
ภาวะเงินเฟ้อ สภาพคล่องทางการเงินการธนาคาร กำลังการซื้อของลูกค้า
ความเปลี่ยนแปลงของสังคม
★ สิ่งแวดล้อมในองค์กร ได้แก่ นโยบาย วิสัยทัศน์ และปรัชญาขององค์กรที่กำหนดทิศทางการดำเนินงาน
วัฒนธรรมองค์กร และการจัดบรรยากาศการทำงานที่ส่งเสริมการทำงานของบุคลากร
★ ปัจจัยขององค์กร ได้แก่ สภาพความพร้อมขององค์กรในด้านที่ดิน อาคารสถานที่
อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ เงินทุน เทคโนโลยี และศักยภาพของบุคคล
★ กระบวนการขององค์กร เป็นองค์ประกอบสำคัญลำดับสองต่อจากองค์ประกอบ ด้านบุคคล
กระบวนการที่สำคัญขององค์กร คือ การดำเนินงานทั้งหมดที่จะทำให้เกิดการผลิต
และการบริการที่น่าพอใจ
ขอบข่ายของกระบวนการขององค์การที่เอื้อต่อการเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร ได้แก่
การจัดโครงสร้างงานขององค์กร การวางแผน การจัดองค์กรในด้านบุคลากร
การสร้างแรงจูงใจในการทำงาน การควบคุมคุณภาพการทำงาน
และการพัฒนาองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
5.
ประสิทธิภาพในการทำงาน
★ ปัจจัยด้านโครงสร้างองค์กร องค์กรจะมีประสิทธิภาพเพียงใดขึ้นอยู่กับลักษณะโครงสร้างที่เหมาะสม
โดยจะเกี่ยวข้องกับปัจจัยย่อยที่สำคัญ
★ ปัจจัยด้านบุคคล เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดเพราะบุคคลคือหมู่คณะที่รวมตัวกันเป็นองค์กร
มีวัตถุประสงค์ร่วมกัน มีบทบาทในการทำงาน หรือดำเนินงานต่าง ๆ สัมพันธ์กัน
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ดังนั้นบุคคลที่มีตำแหน่งหน้าที่ต่าง ๆ
ตามโครงสร้างงานในองค์กร ครอบคลุมบุคคลระดับสูง กลาง และล่าง
รวมถึงบุคคลในระดับการทำงานทั้งหมด ซึ่งประสิทธิภาพขององค์กรจะขึ้นอยู่กับคุณลักษณะและคุณสมบัติที่พึงปรารถนาในด้านต่าง
ๆ
★ ปัจจัยด้านเทคโนโลยี เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการออกแบบผลิตภัณฑ์ การออกแบบการบริหาร
การใช้เครื่องมือ และอุปกรณ์ที่ทันสมัยในกระบวนการผลิต
การควบคุมและการตรวจสอบคุณภาพ การจัดทำระบบข้อมูลการเชื่อมโยงการตลาด การบริการ
เพื่อการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สู่สังคม
6.
คนที่มีประสิทธิภาพมีลักษณะเป็นอย่างไร
★ ความฉับไว เป็นการใช้เวลาได้อย่างดีที่สุด
รวดเร็ว ไม่ทำงานล่าช้า แบบเช้าชามเย็นชาม นั่นคือคนที่มีประสิทธิภาพถ้านายมอบหมายงานให้ทำภายในเวลา
10
นาที ก็ควรทำให้เสร็จตามกำหนด ไม่ควรใช้เวลาถึงครึ่งชั่วโมง
หรืองานบริการ ผู้รับบริการย่อมต้องการความรวดเร็ว
ดังนั้นผู้ให้บริการจะต้องสร้างวัฒนธรรมการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว (One
Stop Service)
★ ความถูกต้องแม่นยำ เป็นการผิดพลาดในงานน้อย
ตลอดจนมีความแม่นยำในกฎระเบียบ ข้อมูล ตัวเลข หรือสถิติต่าง ๆ
ตลอดจนไม่ควรประมาทเลินเล่อจนทำให้เกิดความเสียหายแก่องค์กร
และต้องตรวจทานงานก่อนเสนอผู้บริหารเสมอ
★ ความรู้ คือองค์ความรู้ในงานดี
รู้จักศึกษาหาความรู้ในเรื่องงานที่กำลังทำอยู่ตลอดเวลา
แต่คนที่มีประสิทธิภาพจะเป็นผู้ที่แสวงหาความรู้อยู่ตลอดเวลา
ทั้งการเรียนรู้ด้วยตนเอง เรียนรู้จากองค์กร เรียนรู้จากผู้อื่น
เรียนรู้จากอินเทอร์เน็ต เป็นต้น โดยเรียนให้ “รู้จริง และรู้แจ้ง”และนำความรู้นั้นมาปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น
★ ประสบการณ์ เป็นการรอบรู้
หรือรู้รอบด้าน จากการการได้เห็น ได้สัมผัส ได้ลงมือปฏิบัติบ่อย ๆ
มิใช่มีความรู้ด้านวิชาการแต่เพียงอย่างเดียว เช่น
เป็นช่างซ่อมเครื่องยนต์มานานเป็นครูอาจารย์ที่สอนนักศึกษามานาน หรือเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการมานาน
บุคลเหล่านี้เราอาจเรียกว่า “ผู้มีชั่วโมงบินสูงในการทำงาน” เพราะคนเหล่านี้ถือว่าเป็นผู้มีประสบการณ์สูง จะทำงานผิดพลาดน้อย
สมควรที่องค์กรจะต้องธำรงรักษาบุคคลเหล่านี้ให้อยู่ในองค์การนานที่สุดเพราะคนเหล่านี้จะทำให้องค์การพัฒนาได้เร็ว
★ ความคิดสร้างสรรค์ เป็นการคิดริเริ่ม
สิ่งใหม่ ๆ มุมมองแปลกใหม่เรียกว่านวัตกรรม (Innovation) มาใช้ในองค์กร เช่น คิดระบบการให้บริการใหม่ ๆ ที่ลดขั้นตอน
คิดระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานแบบใหม่ คิดวิธีการบริหารงานแบบเชิงรุก
คิดปรับปรุงอาคารสถานที่แบบเอนกประสงค์ เป็นต้น
7.
ปัจจัยที่ช่วยทำให้คนทำงานดีและมีประสิทธิภาพ
คนทำงานจะต้องคิดวิเคราะห์ว่ามีวิธีการใดที่ทำให้การทำงานนั้นมีประสิทธิภาพ
ในขณะเดียวกันก็ทำให้ตัวเองรู้สึกสนุก และมีความสุขในการทำงานด้วย
ในการทำงานให้มีประสิทธิภาพนั้น มีเคล็ดลับที่คนทำงานสามารถปฏิบัติได้ง่าย
8. การพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงาน
การพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานนั้น
สามารถกระทำได้หลากหลายรูปแบบ
โดยผู้เขียนขอแนะนำเทคนิคที่ใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานของบุคคล
ซึ่งทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติเพื่อการพัฒนาตนเองได้ดังนี้
★
วิเคราะห์ตนเอง
★
มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลง
★
วางแผนก่อนลงมือทำ
★
มองโลกในแง่ดี (คิดบวก)
★
การใฝ่หาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ
★ มีบุคลิกภาพดี
★
การสื่อสารที่ดี
★
สมาธิเพิ่มพลังในการคิด
★
การมีสุขภาพดี
ขอขอบคุณ
: http://www.thailandindustry.com
สืบค้นวันที่
12 ธันวาคม 2560
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น